รัฐบาลเข้มต้องจ้างคนในประเทศก่อนแรงงานต่างชาติ

รัฐบาลนิวซีแลนด์เตรียมเข้มงวดกับนายจ้างที่ไม่พยายามจ้างคนในประเทศก่อนหันไปจ้างแรงงานต่างชาติ โดยระบุว่านายจ้างที่ไม่ร่วมมือกับกระทรวงพัฒนาสังคมและการจ้างงาน (MSD) อย่างจริงจัง อาจถูกเพิกถอนการรับรอง (accreditation) และหมดสิทธิ์จ้างแรงงานต่างชาติในอนาคต

รัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมือง Erica Stanford เปิดเผยว่ามีนายจ้างกว่า หนึ่งในหก ที่ขอจ้างแรงงานต่างชาติในตำแหน่งทักษะต่ำระดับ 4–5 โดยไม่ติดต่อหรือไม่ทำตามขั้นตอนร่วมกับ MSD อย่างเพียงพอ ทั้งที่ควรเปิดโอกาสให้คนว่างงานในประเทศก่อน

ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา มีชาวนิวซีแลนด์ตกงานเพิ่มขึ้นราว 20,000 คน ขณะที่แรงงานต่างชาติที่ได้รับวีซ่าทำงานแบบรับรองนายจ้าง (accredited employer visa) กำลังทยอยหมดอายุภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า

Stanford ย้ำว่า การจ้างแรงงานต่างชาติไม่ใช่ปัญหา แต่ “นายจ้างต้องแสดงความพยายามจริงใจในการหาคนทำงานภายในประเทศก่อน” และเตือนว่า หากไม่ปฏิบัติตาม จะถูกเพิกถอนการรับรองและไม่สามารถจ้างแรงงานต่างชาติได้อีก

ข้อมูลจาก MSD และกระทรวงธุรกิจ นวัตกรรม และการจ้างงาน (MBIE) ชี้ว่า ระหว่างเดือนมีนาคม–กรกฎาคม 2024

•  17% ของการตรวจสอบตำแหน่งงานระดับทักษะ 4–5 ไม่ผ่านเกณฑ์การทำงานร่วมกับ MSD

•  11% มีปัญหาหนักถึงขั้นถูกส่งเรื่องพิจารณาเพิกถอน

•  5% มีความไม่ตรงกันของข้อมูลระหว่างที่ยื่นต่อ MSD และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (INZ)

อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ เกษตร ปลีก-ส่ง ร้านอาหาร ขนส่ง ก่อสร้าง และสาธารณสุข

ด้านที่ปรึกษาด้านตรวจคนเข้าเมือง Tobias Tohill เตือนว่า ระบบปัจจุบันสร้างความไม่แน่นอนให้นายจ้าง เพราะไม่มีความชัดเจนว่าการ “ติดต่อ MSD อย่างเพียงพอ” หมายถึงอะไร นายจ้างบางรายอาจพยายามติดต่อแต่ไม่ได้รับคำตอบ จึงไม่แน่ใจว่าตนทำถูกขั้นตอนหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นถูก “แบล็กลิสต์” ในอนาคต

Tohill เสนอให้รัฐบาลกำหนดแนวทางชัดเจนและเปิดให้ที่ปรึกษาหรือนักกฎหมายช่วยตรวจสอบขั้นตอน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจกระทบต่อธุรกิจและแรงงานต่างชาติ

 ข่าว: RNZ https://tinyurl.com/2rpk9jj9