ทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้านิวซีแลนด์เป็น 15%
- THAINZ
- Aug 1
- 1 min read
สหรัฐอเมริกาประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากนิวซีแลนด์ในอัตรา 15% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยประกาศไว้ 10%

การตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยนิวซีแลนด์ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ
Todd McClay รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของนิวซีแลนด์ ให้ความเห็นว่าการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้เป็นการลงโทษที่ไม่เป็นธรรม
โดยระบุว่ามูลค่าการเกินดุลการค้าของนิวซีแลนด์กับสหรัฐฯ นั้นมีเพียง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าไม่มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
แม้ว่าผู้ส่งออกหลายรายจะสามารถรับมือกับภาษี 10% ได้ แต่ในอัตรา 15% คาดว่าจะส่งผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของนิวซีแลนด์ รองจากจีน และมีมูลค่าการส่งออกสินค้าถึง 9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024
สินค้าหลักที่ได้รับผลกระทบได้แก่
เนื้อวัวแช่เย็นและแช่แข็ง
ผลิตภัณฑ์นม
ไวน์
เครื่องจักรกลและอุปกรณ์
รัฐบาลนิวซีแลนด์ยังไม่พิจารณาใช้มาตรการตอบโต้ และจะเร่งเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อขอลดอัตราภาษี โดย McClay ได้ยื่นเรื่องขอหารือกับทูตสหรัฐฯ แล้วในทันที
การประกาศภาษีครั้งนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้ส่งออกของนิวซีแลนด์ เนื่องจากนิวซีแลนด์ต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างออสเตรเลีย ซึ่งยังคงอยู่ที่ 10% ส่งผลให้ออสเตรเลียได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเนื้อวัวและไวน์
ปัญหาภาษี 15% นี้อาจมี ผลกระทบตามมาในหลายด้าน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะต่อเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์และผู้ประกอบการส่งออก:
✅ 1. ต้นทุนผู้ส่งออกสูงขึ้น
ผู้ส่งออกนิวซีแลนด์ต้องจ่ายภาษีมากขึ้นเมื่อนำสินค้าเข้าตลาดอเมริกา
บางรายอาจ แบกรับต้นทุนไม่ไหว หรือจำเป็นต้อง ขึ้นราคาสินค้า ทำให้สินค้าแข่งขันยากขึ้นในตลาดสหรัฐฯ
✅ 2. ยอดขายอาจลดลง
ผู้บริโภคในสหรัฐฯ อาจหันไปซื้อสินค้าจากประเทศอื่นที่ราคาถูกกว่า (เช่น ออสเตรเลียที่ยังเสียภาษีแค่ 10%)
อาจทำให้ยอดขายสินค้า NZ ในสหรัฐฯ ลดลงในหลายกลุ่ม โดยเฉพาะเนื้อและนม ซึ่งราคาสูงอยู่แล้ว
✅ 3. ผู้ผลิตในประเทศกระทบต่อเนื่อง
หากส่งออกน้อยลง จะมีผลกระทบต่อฟาร์ม เนื้อวัว โรงงานแปรรูป อุตสาหกรรมไวน์ ฯลฯ
อาจเกิดการ ลดคนงาน ลดการผลิต หรือชะลอลงทุน
✅ 4. เสี่ยงต่อการกระจายการค้า
ผู้ประกอบการอาจต้องหา ตลาดใหม่ ที่มีภาษีต่ำกว่า เช่น จีน อาเซียน ตะวันออกกลาง
แต่การเปลี่ยนตลาดต้องใช้เวลา การขนส่งอาจไม่สะดวกเท่าตลาดอเมริกา
✅ 5. ความสัมพันธ์ทางการค้าสั่นคลอน
แม้นิวซีแลนด์จะไม่ตอบโต้ด้วยภาษี (เพื่อรักษามิตรภาพทางการค้า) แต่ก็อาจทำให้ความสัมพันธ์เชิงนโยบาย “เย็นลง” ไปชั่วคราว
นักลงทุนบางกลุ่มอาจมองว่านิวซีแลนด์เสี่ยงมากขึ้นในการพึ่งตลาดสหรัฐฯ
✅ 6. กระทบความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ
จากผลสำรวจระบุว่า 2 ใน 3 ของธุรกิจนิวซีแลนด์ กังวลว่าผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์จะรุนแรงกว่าโควิดและวิกฤตการเงินโลก
สรุป เรียบเรียง: THAI NZ