top of page

Christchurchจากเมืองโชคร้ายสู่เมืองสุดเท่ห์สุดคูล

  • Writer: THAINZ
    THAINZ
  • 5 days ago
  • 1 min read

ในรอบ 14 ปีที่ผ่านมา เมืองไครสต์เชิร์ช (Christchurch) เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

  •  แผ่นดินไหวใหญ่สองครั้ง

  •  เหตุกราดยิงของผู้ก่อการร้าย

  •  การระบาดของโควิด-19

  •  ไฟป่าครั้งใหญ่สองครั้ง


แต่วันนี้ เมืองที่เคยถูกเรียกว่า “เมืองที่โชคร้ายที่สุดในโลก” กำลังได้รับฉายาใหม่ว่า “เมืองหลวงแห่งความเท่” (capital of cool)  


Phil Mauger นายกเทศมนตรีซึ่งเพิ่งได้รับเลือกตั้งอีกสมัย ด้วยคะแนนนำกว่า 20,000 เสียง กล่าวว่าเมืองกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว


“เราเคยผ่านขุมนรกมาแล้ว ตอนนี้ทุกคนรู้สึกมีพลังอีกครั้ง” เขากล่าวถึงบรรยากาศที่เปี่ยมชีวิตชีวาขึ้นเรื่อย ๆ


ไครสต์เชิร์ชกำลังได้เห็นโครงการใหม่จำนวนมาก

  • ​ Te Kaha Stadium (มูลค่า $683 ล้าน) ใกล้เสร็จสมบูรณ์

  • ​ ตลาด Riverside Market

  • ​ ศูนย์นันทนาการกลางเมืองแห่งใหม่กำลังจะเปิดให้บริการในปีนี้

  • ​ The Court Theatre เปิดตัวแล้ว

  • ​ การบูรณะพิพิธภัณฑ์ครั้งใหญ่

  • ​ มีแนวคิดที่จะสร้าง เคเบิลคาร์ลอยฟ้า เชื่อมมหาวิทยาลัยกับใจกลางเมืองในเวลาเพียง 8 นาที เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาย้ายมาอาศัยในเมืองมากขึ้น


 Mauger ระบุว่า เมืองกำลังเติบโตทั้งด้านธุรกิจและประชากร “คนจากเวลลิงตันและโอ๊คแลนด์ย้ายมาอยู่ที่นี่มากขึ้น บริษัทต่าง ๆ ก็เริ่มตามมา เช่น Turners Auctions ที่เพิ่งลงทุนกว่า 38 ล้านดอลลาร์สร้างอาคารใหม่สามแห่ง”


จำนวนนักศึกษาที่ University of Canterbury เพิ่มเป็น 26,000 คนในปีนี้ และคาดว่าจะสูงถึง 30,000 คนในปลายทศวรรษ


ขณะที่ภาคบริการสุขภาพ การเงิน และงานวิชาชีพ เพิ่มขึ้นกว่า 3,300 ตำแหน่งในปีที่ผ่านมา และศูนย์กีฬา Parakiore จะเพิ่มงานอีกกว่า 200 ตำแหน่ง


อย่างไรก็ตาม เมืองยังมีภาระหนี้สูง ทุก 1 ดอลลาร์ จากภาษีท้องถิ่น ต้องนำไปจ่าย 25 เซนต์ เป็นค่าบริการหนี้สิน (debt servicing) เขาตั้งเป้าจะลดภาระนี้ลงครึ่งหนึ่ง


เศรษฐกิจโดยรวมของเกาะใต้ฟื้นตัวเร็วกว่าเกาะเหนือ แต่ไครสต์เชิร์ชยังมีผู้รับสวัสดิการว่างงานกว่า 15,000 คน เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารและบริการยังเผชิญแรงกดดันจากค่าครองชีพสูง


Anton Matthews ผู้ประกอบการร้านอาหาร​ บริการจัดเลี้ยง ระบุว่าแม้จะบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่กลับมีรายได้ลดลง เนื่องจากลูกค้าลดการใช้จ่ายลง


สิ่งที่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังการสร้างเมืองใหม่คือ การทำงานร่วมกันอย่างดีระหว่างสภาท้องถิ่นกับชนเผ่า Ngāi Tahu ในการผนวกเรื่องเล่าทางวัฒนธรรมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน (เช่น ชื่อสถานที่อย่าง Te Pae, Te Kaha, Parakiore, Turanga)


Matthews กล่าวว่า “Ōtautahi (ชื่อเมารีของไครสต์เชิร์ช) ไม่ใช่เมืองแบนราบไร้สีสันอีกต่อไป ตอนนี้เมืองของเรามีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และมีความเชื่อมั่นว่าการพัฒนาที่กำลังจะเกิดขึ้นและฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง จะช่วยให้ภาคธุรกิจก้าวผ่านความท้าทายไปได้”




© Thai NZ News.   All rights reserved.

bottom of page