รัฐบาลหวังลดอาชญากรรมซ้ำซาก
top of page
  • Writer's pictureTHAINZ

รัฐบาลหวังลดอาชญากรรมซ้ำซาก

รัฐบาลนิวซีแลนด์ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี คริสโตเฟอร์ ลักซอน และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม นิโคล แม็คคี ได้นำร่างกฎหมาย Three Strikes กลับมาบังคับใช้ใหม่ หลังจากถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้โดยรัฐบาล Labour


กฎหมายฉบับแก้ไขนี้ ยังคงสาระสำคัญของกฎหมายเดิม ครอบคลุมความผิดร้ายแรง 40 ประเภท ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงและทางเพศ เพิ่มเติมด้วยความผิดฐานรัดคอและทำให้ขาดอากาศหายใจ แต่มีการปรับเปลี่ยนบางประการ ดังนี้

  • บังคับใช้เฉพาะโทษจำคุกเกินกว่า 24 เดือน

  • เพิ่มดุลพินิจให้ศาลสามารถยกเว้นโทษตามกฎหมาย หรือยกเลิกเงื่อนไขทัณฑ์บน ในกรณีที่เห็นว่า “ไม่ยุติธรรมอย่างชัดเจน”

รัฐมนตรีช่วยฯ แม็คคี ชี้ว่า ผู้ต้องหาที่ยอมรับสารภาพ โดยเฉพาะในความผิดครั้งที่สาม อาจได้รับการลดโทษสูงสุด 20% เพื่อเป็นการตอบแทนที่ไม่ต้องขึ้นศาล ซึ่งถือเป็นการเยียวยาผู้เสียหาย นอกจากนี้ เธอวางแผนที่จะเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีภายในสิ้นเดือนมิถุนายน และตั้งเป้าหมายที่จะนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในเวลาอันรวดเร็ว


หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในหกเดือนหลังจากนั้น เพื่อให้มีเวลาปรับระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง

กฎหมายนี้มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันอาชญากรรม โดยการลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำอย่างรุนแรงโดยมุ่งเน้นไปที่อาชญากรรมร้ายแรงประเภทความรุนแรงและทางเพศ และกักขังผู้ที่ยังคงก่ออันตรายต่อสังคม


Duncan Webb โฆษกประจำกระทรวงยุติธรรมพรรค Labour วิพากษ์วิจารณ์การนำกฎหมาย Three Strikes กลับมาใช้อีกครั้ง โดยมองว่าเป็น “การสร้างภาพทางการเมือง” และยืนยันว่ากฎหมายนี้ไม่ได้ส่งผลต่อการลดอาชญากรรมร้ายแรงอย่างมีประสิทธิภาพ


หนึ่งในทนายความที่มีชื่อเสียงที่สุดของนิวซีแลนด์ แมรี่ ดียร์เบิร์ก เห็นด้วยว่ากฎหมายนี้ใช้ไม่ได้ผล เธอกล่าวว่า แทนที่รัฐบาลจะเน้นการลงโทษรุนแรง พวกเขาควร "เน้นประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม" เธอชี้ว่า โปรแกรมฟื้นฟูที่ดีต่างหากที่จะช่วยเหลือผู้ต้องหาได้อย่างแท้จริง


“นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันเห็นผู้คนเปลี่ยนแปลงไป เพราะพวกเขาไม่ได้รับโอกาสในการเข้าร่วมโปรแกรมเหล่านี้ในเรือนจำ โปรแกรมเหล่านี้ไม่มีอยู่ และถ้าหากใครต้องโทษจำคุกเป็นเวลานาน พวกเขาจะไม่ได้รับโปรแกรมเหล่านี้เลย จนกว่าจะใกล้พ้นโทษ ซึ่งในตอนนั้นมันก็ไร้ประโยชน์แล้ว”


สอดคล้องกับ CBANZ ที่ระบุว่า กฎหมาย Three Strikes ละเลยความจริงที่ว่า ผู้กระทำผิดมัก “ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ใช่การลงโทษ”


สมาคมฯ ชี้ว่า นิวซีแลนด์มีอัตราการคุมขังนักโทษสูงกว่าออสเตรเลียหรือสหราชอาณาจักรอยู่แล้ว โดยนิวซีแลนด์มีจำนวนนักโทษ 173 คนต่อประชากร 100,000 คน ขณะที่ออสเตรเลียมี 157 คน และสหราชอาณาจักรมี 145 คน อัตราการคุมขังในแคนาดา ไอร์แลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ ต่ำกว่ามาก


CBANZ เสริมว่า ค่าใช้จ่ายในการคุมขังนักโทษหนึ่งคนอยู่ที่ประมาณ 193,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งหมายความว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่าง "หลีกเลี่ยงไม่ได้"

กฎหมาย Three Strikes ถูกประกาศใช้ครั้งแรกในปี 2010 มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ โดยมุ่งเน้นไปที่อาชญากรรมร้ายแรงประเภทความรุนแรงและทางเพศเป็นหลัก ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับความผิดร้ายแรงที่เกิดขึ้นซ้ำ โดยโทษสูงสุดสำหรับความผิดครั้งที่สาม คือ จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีสิทธิ์ขอทัณฑ์บน ไม่ว่าความรุนแรงของความผิดครั้งที่สามจะเป็นอย่างไรก็ตาม พรรค Labour เคยพยายามยกเลิกกฎหมายนี้มาก่อน แต่ถูกพรรค NZ First ขัดขวาง


เพื่อต่อยอดประเด็นการนำกฎหมาย Three Strikes กลับมาใช้ นายกรัฐมนตรีลักซอนและรัฐมนตรีช่วยฯ แม็คคี อ้างอิงข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ โดยชี้ว่ากฎหมายนี้อาจส่งผลให้มีผู้ต้องโทษจำคุกเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 10.7 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ต่อปี ภายใน 10 ปีข้างหน้า

รัฐมนตรีช่วยฯ แม็คคี เน้นย้ำว่า กฎหมายฉบับใหม่จะมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อให้มั่นใจว่าผู้พิพากษาสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และป้องกันไม่ให้มีการนำโทษตามกฎหมาย Three Strikes ไปใช้กับความผิดเล็กน้อย


รัฐบาลให้เหตุผลว่า กฎหมายนี้จะลงโทษผู้กระทำผิดที่ยังคงก่อเหตุทำร้ายผู้อื่น โดยชี้ให้เห็นว่า การกระทำความผิดร้ายแรงซ้ำประเภทความรุนแรงหรือทางเพศนั้น ไม่สามารถยอมรับได้ การนำกฎหมายฉบับแก้ไขกลับมาใช้ใหม่ จะช่วยให้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเหยื่อและชุมชน


“เรากำลังประกาศชัดเจนว่า การกระทำความผิดร้ายแรงซ้ำซากประเภทความรุนแรงหรือทางเพศนั้น ไม่สามารถยอมรับได้ในสังคมของเรา”
รัฐมนตรีช่วยฯ แม็คคี กล่าว “ชาวนิวซีแลนด์มีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับอาชญากรรมรุนแรงในประเทศของเรา ทุกคนในนิวซีแลนด์มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกปลอดภัยในบ้าน ธุรกิจ และชุมชนของตน”

กฎหมาย Three Strikes หรือ Three Strikes Law เป็นกฎหมายอาญาที่บังคับใช้ในนิวซีแลนด์ มีจุดประสงค์เพื่อ ป้องกันอาชญากรรมร้ายแรงซ้ำซาก โดยกำหนดโทษที่รุนแรงขึ้นสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำ


หลักการสำคัญของกฎหมาย Three Strikes มีดังนี้


  • ความผิดที่เกี่ยวข้อง: กฎหมาย Three Strikes ครอบคลุมความผิดร้ายแรง 40 ประเภท ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงและทางเพศ เพิ่มเติมด้วยความผิดฐานรัดคอและทำให้ขาดอากาศหายใจ

  • โทษสำหรับความผิดครั้งแรกและครั้งที่สอง: ผู้กระทำผิดที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมาย Three Strikes ครั้งแรก จะได้รับการแจ้งเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร หากกระทำผิดเป็นครั้งที่สอง จะได้รับการแจ้งเตือนเป็นครั้งสุดท้าย และอาจต้องรับโทษจำคุกเต็มตามคำพิพากษา

  • โทษสำหรับความผิดครั้งที่สาม: ผู้กระทำผิดที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมาย Three Strikes ครั้งที่สาม จะต้องรับโทษจำคุกสูงสุดโดยไม่มีสิทธิ์ขอทัณฑ์บน ไม่ว่าความรุนแรงของความผิดครั้งที่สามจะเป็นอย่างไรก็ตาม

  • ดุลพินิจของศาล: ในกรณีที่ศาลเห็นว่าการลงโทษตามกฎหมาย Three Strikes นั้น "ไม่ยุติธรรมอย่างชัดเจน" ศาลสามารถยกเว้นโทษตามกฎหมาย หรือยกเลิกเงื่อนไขทัณฑ์บนได้


การถกเถียงเกี่ยวกับกฎหมาย Three Strikes

กฎหมาย Three Strikes เป็นกฎหมายที่ถกเถียงกันอย่างมาก ผู้สนับสนุนกฎหมายนี้ชี้ว่ากฎหมายนี้สามารถช่วยลดอาชญากรรมร้ายแรงซ้ำได้ โดยการลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำอย่างรุนแรง


อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามกฎหมายนี้ชี้ว่ากฎหมายนี้อาจนำไปสู่การลงโทษที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้กระทำผิดที่กระทำผิดครั้งแรกหรือครั้งที่สองสำหรับความผิดที่ค่อนข้างเล็กน้อย




ข้อดี:

  • อาจช่วยลดอาชญากรรมร้ายแรง: ผู้สนับสนุนกฎหมายนี้เชื่อว่า การคุกคามด้วยบทลงโทษที่รุนแรงจะช่วยยับยั้งผู้กระทำผิดซ้ำจากการก่ออาชญากรรมร้ายแรงอีกครั้ง

  • ปกป้องเหยื่อและชุมชน: กฎหมายนี้มุ่งเน้นไปที่อาชญากรรมร้ายแรง เช่น การใช้ความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายให้กับเหยื่อและชุมชนได้ การกักขังผู้กระทำผิดเหล่านี้ไว้สามารถช่วยปกป้องผู้คนจากอันตราย


ข้อเสีย:

  • ผู้คัดค้านกฎหมายนี้โต้แย้งว่า กฎหมายนี้ไม่สามารถป้องกันอาชญากรรมได้จริง การลงโทษที่รุนแรงอาจไม่ส่งผลต่อผู้กระทำผิดบางคน และอาจผลักดันให้พวกเขาก่ออาชญากรรมมากขึ้น

  • กฎหมายนี้มุ่งเน้นไปที่การลงโทษมากกว่าการแก้ไขสาเหตุของอาชญากรรม อาชญากรรมบางประเภทอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพจิต ความยากจน หรือการขาดโอกาส การให้ความช่วยเหลือผู้กระทำผิดเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ อาจช่วยลดโอกาสที่พวกเขาจะก่ออาชญากรรมอีกครั้ง

  • กฎหมายนี้ส่งผลกระทบต่อบางกลุ่มเฉพาะ เช่น ชาวพื้นเมือง ผู้พิการ และผู้มีปัญหาสุขภาพจิต กลุ่มคนเหล่านี้มักมีโอกาสน้อยที่จะเข้าถึงบริการช่วยเหลือ และอาจถูกคุมขังนานเกินไป

  • การคุมขังผู้ต้องขังมีค่าใช้จ่ายสูง เงินเหล่านี้สามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาโปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพ การศึกษา และโอกาสอื่นๆ ที่อาจช่วยลดอาชญากรรมได้




bottom of page